Wednesday, March 5, 2014

รีวิวซีรี่ย์ฝรั่ง Person of Interest : Season 1 – ปฏิบัติการลับสกัดทรชน ปี 1

บทความนี้เปิดเผยเนื้อหาสำคัญบางส่วนของซีรี่ย์

Person of Interest: The Complete 1st Season – “ปฏิบัติการลับสกัดทรชน ปี 1”

ถ้า ทุกอย่างในชีวิตของเราตั้งแต่ประวัติส่วนตัว ประวัติการใช้จ่ายและธุรกรรมทั้งหมดตลอดชีวิตที่ผ่านมา รวมถึงทุกวินาทีในชีวิตตั้งแต่ก้าวออกจากบ้านกับทุกๆการกระทำ ทุกๆคำพูด ทุกๆบุคคลที่เราพบเจอจะไม่ใช่ความลับอีกต่อไปและมีคนสามารถเข้าถึงข้อมูล ทั้งหมดนี้ได้โดยที่คุณเองไม่เคยรู้ตัวมาก่อน ยิ่งไปกว่านั้นคือถ้าไม่ใช่แค่คุณเพียงคนเดียวที่ถูกจับตามองแบบนี้ล่ะ ? แต่เป็นประชาชนทุกคนที่ล้วนถูกเฝ้าจับตาสังเกตการณ์โดยสุดยอดเทคโนโลยี อัจฉริยะภายใต้โครงการลับสุดยอดของรัฐบาล !
“Person of Interest” เป็นซี่รี่ย์แอคชั่น-ทริลเลอร์อันมี Jonathan Nolan มาเป็นผู้อยู่เบื้องหลัง แถมยังได้ J.J. Abrams มาช่วยอำนวยการสร้างพิเศษที่เล่าเรื่องราวของ ‘เดอะแมชชีน’ สุดยอดคอมพิวเตอร์อัจฉริยะที่ถูกเก็บเป็นความลับสูงสุดของรัฐบาลสหรัฐ อเมริกาที่มีความสามารถในการวิเคราะห์ข้อมูลอาชญากรรมและแผนการก่อการร้ายใน อนาคตได้อย่างแม่นยำ ซึ่งถูกสร้างขึ้นโดย Harold Finch มหาเศรษฐีผู้เป็นอัจฉริยะด้านซอฟต์แวร์ ผู้ที่ตอนนี้ต้องการรวบรวมทีมเฉพาะกิจขึ้นมาเพื่อสกัดอาชญากรรมที่อาจจะเกิด ขึ้นในมหานครนิวยอร์กแห่งนี้และคนที่ Finch เลือกมาเป็นคู่หูก็คือ John Reese อดีตสายลับ CIA ฝีมือระดับพระกาฬที่มีอดีตอันดำมืด โดย Finch และ Reese ต้องคอยสืบหาความเกี่ยวข้องของหมายเลขที่เดอะแมชชีนส่งออกมาแบบนอกกฎหมายกับ การไม่พึ่งอำนาจของตำรวจในเมืองที่เต็มไปด้วยการคอรัปชั่นเพื่อยับยั้งเหตุ ร้ายที่กำลังจะเกิดขึ้นและแน่นอนว่าภารกิจลับนี้มีชีวิตของพวกเขาและชีวิต ผู้บริสุทธิ์เป็นเดิมพัน

Person of Interest: The Complete 1st Season – “ปฏิบัติการลับสกัดทรชน ปี 1” รีวิว  DVD วิจารณ์

หน่วยสกัดอาชญากรรม

ตัวละครหลักของซีรี่ย์ที่มีบทบาทมากที่สุดมีอยู่ด้วยกันทั้งสิ้น 4 ราย เริ่มจาก John Reese อดีตสายลับ CIA ผู้ผ่านปฏิบัติการลับของรัฐบาลมาโชกโชน ซึ่งตัวซีรี่ย์เปิดฉากให้เราได้รู้จักตัวละครนี้กับภาพในอดีตช่วงที่เขามี ความสุขที่สุดกับสาวคนรักก่อนที่จะตัดสลับมาในเวลาปัจจุบันที่ Reese มีสภาพไม่ต่างไปจากคนจรจัด ตามมาด้วยการที่เขาก่อคดีทำร้ายร่างกายอันธพาลจนถูกส่งตัวไปยังสถานีตำรวจ และเหตุการณ์นี้ทำให้เขาได้พบเจอกับ Harold Finch ชายลึกลับที่ยื่นข้อเสนอสุดอันตรายให้เขากับการทำภารกิจนอกกฎหมายในเมือง นิวยอร์ก แม้ Reese จะไม่แสดงอาการสนใจในตอนแรก แต่เขาก็ได้ตระหนักว่าตนเองควรจะมองหาเป้าหมายสักอย่างในชีวิต มากกว่าให้ความสูญเสียในอดีตเกาะกินจิตใจและปล่อยให้คนบริสุทธิ์ต้องตายทั้ง ที่เขามีโอกาสที่จะเข้าแทรกแซงและยับยั้งเหตุร้ายได้กับการมี เดอะแมชชีน เป็นตัวกลางในการมอบภารกิจต่างๆ
.
Reese เป็นคนที่มุ่งมั่นในการทุ่มเทให้หน้าที่การงานมาก จนชีวิตการเป็นสายลับทำให้เส้นทางชีวิตรักที่มีแนวโน้มจะราบรื่นกับสาว ธรรมดารายหนึ่งต้องพังทลายลง นอกจากนี้ยังทำให้เขาต้องสูญเสียคนรักไปในเหตุการณ์ที่เขาคิดว่าตัวเองเป็น ต้นเหตุสำคัญ ซึ่งภาพความทรงจำในอดีตเหล่านี้ก็ยังวนเวียนกลับมาหลอกหลอนเขาอยู่บ่อยๆ โดยตัวละครนี้นับว่าเป็นคนที่จัดอยู่ในประเภท ‘คนจริง’ คนหนึ่งเลยก็ว่าได้ เพราะถ้านายคนนี้พูดหรือขู่อะไรใครก็มั่นใจได้เลยว่าเขาพูดจริง ทำจริงแน่นอน นอกจากนี้ยังรวมไปถึงการเป็นคนมีไหวพริบและทักษะการต่อสู้ การใช้อาวุธหนักเบาระดับเทพอีกด้วย (เรื่องอาวุธรู้สึกว่าพี่แกจะชอบการเอาปืนหนักมาใช้กำราบเหล่าร้ายอยู่บ่อยๆทั้งปืนกล ปืนยิงลูกระเบิด) ทั้งนี้ Reese ยังเป็นคนประเภทกล้าได้ กล้าเสีย กล้าคิดบ้าบิ่นแบบนอกกรอบสุดๆในหลายๆครั้ง

ส่วน Harold Finch เป็นชายที่ทำตัวลึกลับและเลือกที่จะปกปิดปูมหลังทั้งหมดของตัวเองไว้เป็นความลับสุดยอดชนิดที่ไม่ให้ใครเข้าถึงได้เด็ดขาด (Finch จะชอบอ้างว่าเขาเป็นคนมีความเป็นส่วนตัวสูง) แต่สิ่งหนึ่งที่เป็นความจริงแน่ๆของชายคนนี้ก็คือเขาเป็นมหาเศรษฐีที่ร่ำรวย มากๆที่ปกปิดฐานะของตนเองได้อย่างแนบเนียน รวมถึงเป็นอัจฉริยะด้านวิศวกรซอฟต์แวร์ที่ขั้นเทพสุดๆและเป็นผู้ริเริ่ม สร้าง ‘เดอะแมชชีน’ กับการทุ่มเทเวลาหลายปีเพื่อสร้างสุดยอดคอมพิวเตอร์ที่สามารถประมวลผลและ รู้จักคิดด้วยตัวของมันเองเครื่องนี้ โดย Finch ได้ร่วมมือกับ Nathan เพื่อนสนิทในการสร้างโปรแกรมที่จะช่วยสอดส่องประชาชนทุกคนเพื่อทำนาย เหตุการณ์การก่อการร้ายที่กำลังจะเกิดขึ้นเพื่อที่จะเข้าไปยับยั้งได้ทัน แต่ ‘เดอะแมชชีน’ ก็กลายมาเป็นดาบ 2 คม เพราะแม้จะทำหน้าที่ในการทำนายพฤติกรรมของคนที่ส่อแววก่อการร้ายได้อย่าง แม่นยำ แต่ในอีกแง่มุมหนึ่งมันก็นำไปสู่คำถามที่ว่านี่คือคอมพิวเตอร์ที่ละเมิดทุก ความเป็นส่วนตัวและเสรีภาพในการดำเนินชีวิตของประชาชนก็ว่าได้ เพราะมันทำงานด้วยการสอดส่องทุกวินาทีในการดำเนินชีวิตของทุกคน ซึ่งรัฐบาลก็พยายามจะปิดปากคนที่เกี่ยวข้องให้มากที่สุดหรือถ้ามีใครคิดจะ ขุดคุ้ยเพื่อนำเรื่องนี้มาแฉก็จะต้องถูกตามเก็บทันที ทั้งหมดนี้ทำให้ Finch ตกอยู่ในสถานะที่ไม่ต่างไปกับ Reese เท่าไหร่นัก ตรงที่ทั้งเขาและ Reese ล้วนเป็นคนที่ ‘งาน’ ที่พวกเขาทำได้ส่งผลกระทบต่อชีวิตของตนและคนสำคัญข้างกาย จนนำไปสู่จุดที่ไม่สามารถใช้ชีวิตร่วมกันได้อีกต่อไป
(ขอเสริมนิดนึงเรื่องเฮีย Finch ที่แม้ปากจะบอกไม่เก่งในการออกมาช่วยตามสืบคนภาคสนาม แต่พอเอาเข้าจริงๆ พี่แกปลอมตัวเนียนโคตรๆ ทั้งเป็นทนาย เป็นคนส่งของ เป็นช่างไฟ เพื่อเข้าไปติดกล้องสอดแนมต่างๆนานา)

Person of Interest: The Complete 1st Season – “ปฏิบัติการลับสกัดทรชน ปี 1” รีวิว  DVD วิจารณ์
สำหรับ ‘เดอะแมชชีน’ ก็คงนับเป็นอีกหนึ่งตัวละครสำคัญของเรื่อง โดยเจ้าคอมพิวเตอร์อัจฉริยะตัวนี้จะทำหน้าที่ตรวจสอบและวิเคราะห์ ข้อมูลทุกรูปแบบที่เป็นออนไลน์เพื่อหาความเกี่ยวข้องของทุกๆคนในความเป็นไป ได้ที่จะเข้าไปพัวพันหรือมีแรงจูงใจที่จะกระทำการก่อการร้ายในเร็วๆนี้ ซึ่งเจ้าเดอะแมชชีนจะทำการเจาะเข้าไปในระบบกล้องวงจรปิด, การสื่อสารอิเล็กทรอนิกส์ และ สัญญาณเสียงทั้งหมดทั่วโลกที่จะนำไปสู่เหตุร้ายที่จะเกิดขึ้นในมหานคร นิวยอร์กแห่งนี้ แต่สิ่งที่รัฐบาลสนใจก็คือการกระทำของบุคคลที่จะเป็นภัยร้ายแรงประเภทก่อการ ร้ายเท่านั้น ทั้งที่สิ่งที่เดอะแมชชีนทำได้มันไปไกลกว่านั้นเยอะมาก เพราะมันยังสามารถทำนายการก่อเหตุอาชญากรรมที่ไล่ไปตั้งแต่การคบชู้และจ้าง วานฆ่าระหว่างคู่สามีภรรยาไปจนถึงการปล้นธนาคาร, การวางแผนลอบยิง สส., การลักพาตัวรวมไปถึงการฆาตกรรมเลยทีเดียว

การที่รัฐบาลใส่ใจแต่ตัวเลขที่เดอะแมชชีนชี้นำไปยังการก่อการร้ายใหญ่ๆ เท่านั้น ทำให้ในแต่ละวันบรรดาตัวเลขที่ทำนายเหตุอาชญากรรมอื่นๆกลายเป็นตัวเลขที่ถูก มองข้ามไปอย่างน่าเสียดาย (ข้อมูลการทำนายเหตุอาชญากรรมที่ถูกมองข้ามทั้งหมดจะถูกแสดงผลออกมาเป็นชุดตัวเลขประกันสังคม) ซึ่ง Finch เองก็ตระหนักถึงความจริงข้อนี้ กระทั่งเขาตัดสินใจแอบเจาะเข้าไปดึงข้อมูลตัวเลขประกันสังคมเหล่านี้ใน เดอะแมชชีน ผ่านทางลัดที่เข้าซ่อนไว้ในซอฟต์แวร์เพื่อดึงตัวเลขเหล่านั้นมาปฏิบัติเป็น ภารกิจของตัวเองและ Reese

การกระทำของ Finch และ Reese จัดเป็นการกระทำนอกกฎหมายทำให้ทั้งคู่ต้องเข้าไปเกี่ยวข้องกับคนในกรมตำรวจ อย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ ซึ่งรายแรกคือนักสืบ Joss Carter ที่ยึดมั่นในกฎหมายอย่างเคร่งครัด ผู้ตามสืบหาตัวตนที่แท้จริงของ ‘ชายในชุดสูท’ (Reese) ที่ก่อเหตุวุ่นวายไปทั่วเมือง ก่อนที่ Carter จะเข้ามามีส่วนร่วมในการช่วยเหลือ Reese ในการยับยั้งเหตุร้ายที่มีแนวโน้มกำลังจะเกิดขึ้น ส่วนอีกรายก็คือ นักสืบ Lionel Fusco ที่อยู่ในวงจรคอรัปชั่นแห่งกรมตำรวจ แม้ Fusco เริ่มต้นรู้จักกับ Reese เแบบไม่สวยหรูนัก แต่ไปๆมาๆก็เป็น Fusco นี่เองที่ถูก Reese ดึงตัวมาเป็นสายสืบส่วนตัวในกรมตำรวจและถูก Reese ผลักดันให้เข้าไปสืบหาตัวการใหญ่ขององค์กร HR (กลุ่มผู้มีอำนาจในเมืองและมีรายได้นอกฎหมายจากการคอรัปชั่น) แม้จะดูเหมือน Fusco จะเป็นตำรวจเลวในตอนแรกๆ แต่เมื่อได้ดูไปเรื่อยๆเราจะพบว่านักสืบรายนี้เหมือนจะเลวเพราะสถานการณ์พา ไปมากกว่าจะเลวโดยสันดาน และถ้าได้ดูไปจนถึงช่วงกลางซีซั่นนี้ก็จะพบว่าเขาก็เป็นคนที่ยังคงมีคุณธรรม ในตัว
Person of Interest: The Complete 1st Season – “ปฏิบัติการลับสกัดทรชน ปี 1” รีวิว  DVD วิจารณ์

อาชญากรตัวแสบและผู้ไล่ล่า

การมีส่วนเกี่ยวข้องกับเดอะแมชชีนและการเป็นอดีตสายลับที่เข้าแทรกแซงการ ทำงานของกฎหมายบ้านเมืองทำให้ Finch และ Reese จึงเป็นเป้าสำคัญของหลายหน่วยงานทั้ง CIA ที่มีอดีตเพื่อนเก่าของ Reese มานำทีมสืบสวนไล่ล่า รวมถึงการมี FBI ที่ต้องการจะจับตัว Reese ให้ได้เพื่อกระชากหน้ากากของ CIA ที่ปล่อยให้อดีตสายลับประพฤติตนอยู่เหนือกฎหมายในเมืองใหญ่ ตลอดจนผู้มีอำนาจในรัฐบาลที่พยายามจะปิดปากทุกคนที่เข้าใกล้ความจริงเกี่ยว กับเดอะแมชชีน

นอกจากนี้คู่ปรับตัวฉกาจอีกรายของ Finch และ Reese ก็คือ Elias ผู้ทรงอิทธิพลรายใหม่ของเมืองที่มีอดีตอันแสนขมขื่นและต้องการจะเป็นผู้มี อำนาจมากที่สุดในเมืองนิวยอร์ก ซึ่งนี่ก็ถือเป็นตัวละครที่ทำให้เนื้อหามีความสนุกยิ่งขึ้น ส่วนอีกรายก็คือ Root แฮกเกอร์สาวอัจฉริยะที่อยู่เบื้องหลังอาชญากรรมทางโลกออนไลน์หลายครั้งและ เป็นคู่ปรับกับ Finch ที่สมน้ำสมเนื้อสุดๆ ซึ่ง Root เองก็ดูจะสนุกกับการเล่มเกมท้าไหวพริบกับ Finch เสียเหลือเกิน

Person of Interest: The Complete 1st Season – “ปฏิบัติการลับสกัดทรชน ปี 1” รีวิว  DVD วิจารณ์

ผู้คนมักไม่เป็นอย่างที่เราคิด

การนำตัวเลขประกันสังคมที่ได้จากเดอะแมชชีนไปใช้ในการสืบขยายผลหาความ เกี่ยวข้องว่าคนๆนี้จะถูกใครปองร้าย จะมีเหตุไม่ดีอะไรเกิดขึ้นและจะเกิดขึ้นเมื่อไหร่ (ทุกครั้งที่เดอะแมชชีนให้เลขมา เหตุร้ายมักจะเกิดขึ้นกับคนๆนั้นหรือคนๆนั้นจะก่อเหตุร้ายในเวลาราว 72 ชั่วโมงข้างหน้า) ซึ่งในบางครั้งมันก็นำกลุ่มตัวละครเอกไปพบเจอกับคนที่ภายนอกดูปกติธรรมดาไม่ น่าจะมีพิษมีภัยอะไรหรือไม่น่าจะตกเป็นเหยื่ออะไรร้ายแรงได้เลย แต่ ‘สิ่งที่เราเห็นภายนอก’ ก็ไม่ได้บ่งบอกสิ่งที่คนๆนั้น ‘คิด’ หรือบ่งบอก ‘ตัวตนที่แท้จริง’ ได้ ชัดเจน โดยในซีซั่น 1 นี้เราจะพบว่าตัวละครหลายตัวผู้เป็นเจ้าของหมายเลขมักจะสร้างความประหลาดใจ ให้แก่ตัวเอกและผู้ชมไปพร้อมๆกันได้อยู่หลายต่อหลายครั้ง ซึ่งแน่นอนว่ามันก็ทำให้เราได้ตระหนักว่าการมองคนว่าจะดีไม่ดีจากการแต่งกาย ภายนอกหรือพฤติกรรมที่ปรากฏในสถานที่สาธารณะช่วงสั้นๆนั้นคงไม่เพียงพอที่จะ สรุปว่าคนๆนั้นเป็นคนดีหรือเลวกันแน่
นอกจากนี้ก็คงต้องชมทีมงานที่สร้างจุดหักมุมเล็กๆน้อยๆให้ผู้ชมได้แปลกใจ อยู่ในทุกๆตอน โดยเฉพาะใน 2 ตอนสุดท้ายของซีซั่นนี้ที่นำเสนอได้ชวนลุ้น แถมยังหักมุมพลิกไป พลิกมาได้อย่างดี (ตอนสุดท้ายนี่เล่นเอาลุ้นกันตัวโก่ง)

โฉมหน้าเหล่าคนอันตราย

ด้านนักแสดง Jim Caviezel ถือว่าสอบผ่านเลยกับบทอดีตสายลับ CIA ที่ถึงคิวบู๊ก็บู๊ได้ ถึงบทจะดราม่าก็ชวนให้น่าเห็นใจ แถมยังดูเข้าขากันดีกับ Michael Emerson ผู้รับบท Harold Finch อีกด้วย ซึ่ง Emerson ก็ทำได้ดีกับการแสดงบุคลิกคนที่ไม่ค่อยเปิดเผยเรื่องส่วนตัวกับคนอื่นและท่า ทางเงอะๆงะๆในบางสถานการณ์ ส่วน Kevin Chapman ในบทนักสืบ Fusco และ Taraji P. Henson ในบทนักสืบ Carter ก็ถือว่าเหมาะสมกับบทบาทใช้ได้ทีเดียว ด้านสาว Amy Acker ราย นี้โผล่มาเงียบๆแต่ก็ดูสวย ฉลาด ชวนติดตา นอกจากนี้บรรดาตัวประกอบชาย-หญิงที่โผล่มารับบทเป็นเจ้าของหมายเลขแต่ละราย ทีมงานก็คัดเลือกมาได้หน้าหล่อสวยกันแทบทั้งสิ้น
การมีชื่อ Jonathan Nolan พร้อมได้เห็นตัวละคร Reese มีทักษะการต่อสู้สูงและมีอดีตแสนเจ็บปวด แต่ก็ยังมุ่งมั่นช่วยเหลือผู้บริสุทธิ์แบบนอกกฎหมายและถูกตำรวจตามไล่ล่าก็ ทำให้อดคิดไปถึงตัวละครฮีโร่ Batman ฉบับ Christopher Nolan ไม่ได้เลย (Jonathan เป็นคนช่วยเขียนบท The Dark Knight และ The Dark Knight Rises ร่วมกับ Christopher)

Person of Interest: The Complete 1st Season – “ปฏิบัติการลับสกัดทรชน ปี 1” รีวิว  DVD วิจารณ์
โดย สรุป “Person of Interest” ซีซั่น 1 นี้นับเป็นการเปิดตัวที่จัดว่าน่าชื่นชมพอสมควร หนังมีทั้งฉากแอคชั่นยิงกราดปาระเบิดกันตูมตาม บวกเรื่องราวที่ชวนลุ้นและความสัมพันธ์ระหว่างตัวละครที่ผูกไว้ค่อนข้างลง ตัว รวมถึงความต่อเนื่องของเนื้อหา (หนังยังให้อารมณ์คล้าย Eagle Eye (2008) ผสม Minority Report (2002) บวกซีรี่ย์ Touch และ 24 อย่างละนิดละหน่อย) แถมยังทิ้งปมปิดฉากซีซั่นแรกได้อย่างชวนติดตามต่อสุดๆอีกด้วย



เครดิตรีวิวซี่รีย์นำมาจาก http://welovemovieclub.com/ขอขอบคุณมา ณ ที่นี้ด้วยค่ะ

No comments:

Post a Comment