บทความนี้เปิดเผยเนื้อหาสำคัญบางส่วนของซีรี่ย์

Harold Finch และ John Reese คู่หูผู้คอยทำหน้าที่ช่วยเหลือผู้คนในมหานครนิวยอร์กภายใต้รหัสลับที่ถูกส่ง ตรงมาจาก ‘เดอะแมชชีน’ สุดยอดคอมพิวเตอร์อัจฉริยะที่รัฐบาลปิดเป็นความลับต้องพบกับอันตรายที่เพิ่ม มากขึ้นทั้งการต่อกรกับ Root แฮกเกอร์สาวฝีมือขั้นเทพที่ยังคงเดินเกมตามล่าหา ‘เดอะแมชชีน’ แบบไม่หยุดหย่อน, การปรากฏตัวอีกครั้งของ Kara Stanton อดีตคู่หู CIA ที่ John คิดว่าตายไปนานแล้ว รวมถึงภัยร้ายแรงระดับประเทศเมื่อองค์กรลับในชื่อ Decima Technologies พยายามหาทางใช้ไวรัสคอมพิวเตอร์เจาะเข้าสู่ระบบของ ‘เดอะแมชชีน’ ซึ่งพวกเขาต้องทำทุกวิถีทางเพื่อยับยั้งแผนการร้ายนี้ไปพร้อมกับการช่วย เหลือชีวิตผู้บริสุทธิ์ที่ยังคงถูกส่งมาในแต่ละวัน!
การกลับมาในซีซั่นที่ 2 ของซีรี่ย์ “Person of Interest” ที่สานต่อเรื่องราวต่อจากเหตุการณ์ทิ้งท้ายในซีซั่น 1 แบบนาทีต่อนาที โดย 2 ตอนแรกในซีซั่นนี้จะเป็นการเทน้ำหนักไปที่ตัวละคร John กับการต้องออกตามหา Harold ที่ถูก Root ลักพาตัวไป ทั้งยังเผยให้เห็นถึงเหตุการณ์ในอดีตช่วงที่ Harold ทดสอบประสิทธิภาพของ ‘เดอะแมชชีน’ ระยะแรกออกมาให้เราได้ทราบเป็นครั้งแรก บวกกับการสืบไปถึงตัวตนที่แท้จริงของ Root ว่าคือใครกันแน่และเธอคนนี้มีเป้าหมายอะไรถึงอยากที่จะเข้าถึงเจ้าสุดยอด คอมพิวเตอร์อัจฉริยะเครื่องนี้เสียเหลือเกิน ก่อนที่จะเริ่มเข้าการดำเนินเรื่องตามสูตรเดิมในตอนที่ 3 เป็นต้นไปกับภารกิจช่วยเหลือคนจากรหัสลับ

เผชิญหน้ากับอดีต : ก้าวต่อมาที่อันตรายยิ่งขึ้น
สำหรับซีซั่น 2 นี้ตัวละครหลักล้วนถูกเจาะลึกลงไปในแง่มุมต่างๆมากขึ้น เริ่มจาก Harold Finch ที่เราจะต้องพบว่าราคาที่เขาต้องจ่ายไปสำหรับการสร้าง ‘เดอะแมชชีน’ นั้นมากมายและประเมินค่าไม่ได้เพียงใด ตั้งแต่การต้องผิดใจกับ Nathan เพื่อนสนิทที่คิดค้นเจ้าคอมพิวเตอร์อัจฉริยะขึ้นมาด้วยกันและเรื่องการมอง ข้ามตัวเลขที่ไม่เกี่ยวข้องกับการก่อการร้าย อันนำไปสู่การสานต่อเจตนารมณ์ในภารกิจช่วยชีวิตคนจากรหัสที่รัฐบาลมองข้าม (แน่นอนว่าเป็นที่มาของหน่วยสกัดทรชนลับๆที่ Harold ทำอยู่ในปัจจุบัน), การต้องหันหลังให้กับ Grace สาวคนรักที่ในซีซั่นนี้ได้เผยให้เราได้เห็นความลึกซึ้งในความสัมพันธ์ ระหว่างสองคนนี้มากขึ้น โดยเฉพาะการรับรู้ว่า Harold คิดที่จะขอผู้หญิงคนนี้แต่งงาน แต่เพื่อกันเธอออกจากกลุ่มคนของรัฐบาลที่จ้องปิดปากทุกคนที่ยุ่งเกี่ยวกับ ‘เดอะแมชชีน’ ทำให้เขาต้องตัดสินใจหันหลังเดินจากไป (หนึ่งในประโยคที่ยิ่งชวนให้เห็นใจ Harold ก็คือตอนที่เขาบอกกับ John เกี่ยวกับเส้นทางความรักของตนว่า “ผมยังคงได้แก่เฒ่าไปพร้อมๆกับเธอนะ แต่เราแค่อยู่ห่างไกลกันมากเท่านั้น”) ทั้งนี้เรื่อง ‘ตัวตนที่แท้จริง’ ของ Harold ก็ดูจะยิ่งลึกลับซ่อนเงื่อนกันมากขึ้นไปอีก เมื่อความจริงค่อยๆเผยออกมาว่าชายคนนี้มีความลับที่ไม่เคยบอกใครมากกว่าที่ ใครๆจะคาดคิด หนึ่งในนั้นคือการมีส่วนเกี่ยวข้องกับภารกิจสุดท้ายในฐานะสายลับของ John! (อยาก จะบอกว่าตัวตนของ Harold นี่ลึกลับสุดๆขนาดที่รัฐบาลเองก็ยังไม่รู้เลยว่าชายคนนี้เป็นผู้สร้างและต้น คิดเรื่อง ‘เดอะแมชชีน’ เนื่องจาก Harold พยายามเป็นดั่งเงาที่ทำงานอยู่เบื้องหลัง Nathan)หลังจากเหตุการณ์ที่ Harold ถูก Root ลักพาตัวไปสิ่งหนึ่งที่เราสัมผัสได้ก็คือเขาเริ่มมีอาการประหม่ากับการออกมาใช้ชีวิตในโลกภายนอก (ปรากฏให้เห็นเป็นระยะๆในช่วงครึ่งแรกของซีซั่นนี้) ซึ่งจะว่าไปนี่ก็เป็นอีกหนึ่งรายละเอียดที่ใส่มาได้ถูกจังหวะ เพราะถึงแม้พี่แกจะเป็นผู้สร้าง ‘เดอะแมชชีน’ ที่คอยสอดส่องทุกชีวิตในประเทศนี้ แต่เจ้าตัวก็ยังคงตระหนักว่ามนุษย์ที่มีความคิดร้ายๆนี่แหละคือสิ่งที่ อันตรายที่สุด ยิ่งกับ Root ที่เป็นอัจฉริยะด้านคอมพิวเตอร์ในระดับเกือบเทียบเท่าตัวเขาเองด้วยแล้ว จึงไม่น่าแปลกใจที่ Harold จะค่อนข้างกลัวในตัวสาวรายนี้ แต่ถึงอย่างนั้น Harold เองก็ปฏิเสธไม่ได้ว่าบางส่วนของความคิด Root เกี่ยวกับเรื่อง ‘เดอะแมชชีน’ นั้นก็มีส่วนตรงกันอยู่บ้าง ตรงที่ Harold อาจจะคิดผิดที่ขายเครื่องนี้ให้กับรัฐบาลที่ดูแลโดยเจ้าหน้าที่ซึ่งอาจจะมี มาตรฐานของคำว่า ‘ความถูกต้อง’ ไม่ตรงกับเขาซะทีเดียว แถมยังนำอันตรายมาสู่ชีวิตเขาและคนรอบตัว ส่วน Root ก็เพียงต้องการปลดปล่อยเครื่องนี้ให้เป็นอิสระจากการถูกจำกัดขีดความสามารถ สูงสุด

การเข้าสู่ที่ตั้งของ ‘เดอะแมชชีน’ นับเป็นหนึ่งในประเด็นหลักที่โดดเด่นในซีซั่นนี้ โดยหลังจากเรารู้มาจากซีซั่นแรกว่าเจ้าเครื่องคอมพิวเตอร์ขนาดใหญ่ยักษ์นี่ ถูกขายให้รัฐบาล เจ้าหน้าที่ระดับสูงก็เก็บเรื่องสถานที่ตั้งของมันไว้เป็นความลับสุดยอด ฉะนั้นเมื่อรัฐบาลเริ่มรู้ว่ามีคนที่พยายามสืบหาที่ตั้งของมัน พวกเขาจึงจัดการส่งทีมปฏิบัติการมาคอยตามล่าผู้เกี่ยวข้องทั้งหมด ซึ่งหัวหน้าทีมไล่ล่าก็คือ Hersh อดีตเจ้าหน้าที่ ISA ผู้เลือดเย็นและพร้อมฆ่าทุกคนตามคำสั่งชนิดไม่มีคำถามใดๆทั้งสิ้น (นี่น่าจะเป็นตัวละครที่จิตที่สุดของเรื่องก็ว่าได้)
ด้าน John ในซีซั่นนี้ก็ต้องเปลี่ยนบทบาทมาเป็นผู้คอยช่วยเหลือ Harold อยู่หลายต่อหลายครั้ง แต่สิ่งที่ดูเหมือนจะเป็นเรื่องใหญ่ที่สุดของเขาก็คือการกลับมาปรากฏตัวอีก ครั้งของ Kara Stanton อดีตคู่หู CIA ที่เขาคิดว่าตายไปแล้วในภารกิจครั้งสุดท้าย ซึ่ง Kara เองตอนนี้ก็แปรพักตร์ไปอยู่กับองค์กรลึกลับในชื่อ Decima Technologies ที่มีแผนใหญ่ในการกระจายไวรัสไปทำลาย ‘เดอะแมชชีน’ และล้วงเอาความลับของประเทศทั้งหมดไปเป็นของตน ทั้งนี้สิ่งหนึ่งที่หลายคนสงสัยว่านาย John จะถูก FBI ตามจับได้เมื่อไหร่ก็ขอประซิบบอกใบ้ว่าพี่แกถูกจับได้ในซีซั่นนี้ แต่ก็ต้องชมทีมงานคนเขียนบทเพราะผูกเรื่องมาบรรจบได้ในฉากนี้แบบคาดไม่ถึง และสามารถทำให้เรื่องไหลไปต่อได้ชนิดชวนติดตามจริงๆ

ส่วน Joss Carter และ Lionel Fusco สองเจ้าหน้าที่ตำรวจแผนกฆาตกรรมที่กระโดดมาร่วมวงช่วยไล่ล่าผู้ร้ายกับ John และ Harold ก็ต้องเจอเรื่องราวที่เข้มข้นยิ่งขึ้นไม่แพ้กัน เริ่มจาก Carter ที่ถูกยื่นข้อเสนอให้เป็น FBI ถ้าทำสำเร็จในการทำงานร่วมกับเจ้าหน้าที่ Donnelly ปิดคดี ‘ชายในชุดสูท’ จนทำให้เธอตกอยู่ในสถานะที่กลืนไม่เข้า คายไม่ออก เพราะเธอต้องทำงานในการเผยเบาะแสของเพื่อนลึกลับรายนี้และคอยบอกทางหนีทีไล่ ให้พวกเขาไปพร้อมๆกัน แต่ภัยภายนอกก็ไม่อันตรายเท่าภัยคุกคามจากภายใน เพราะ หลังจากที่เบื้องบนทำการกวาดล้าง HR องค์กรคอรัปชั่นที่ใหญ่ที่สุดในเมืองนี้ แม้จะจับตำรวจเลวไปได้มากมาย แต่ก็ยังห่างไกลจากระดับหัวหน้าใหญ่ (นายกเทศมนตรี) ทำให้ตำรวจดีๆล้วนถูกจับตาเป็น 2 เท่าว่าใครอาจจะสร้างปัญหาขึ้นมาได้อีก
เราจะพบว่า Fusco คือคนที่พบกับแรงกดดันรอบตัวในการพยายามเป็นตำรวจที่ดีไปพร้อมกับการแฝงตัว ใน HR ถึงอย่างนั้นเขาก็ยังคงต้องถูกลากให้เข้ามามีส่วนในการหาพันธมิตรใหม่ให้แก่ องค์กรนี้อยู่ดี ด้าน Carter ก็ยังมีเรื่องของเจ้าหน้าที่ Beecher ที่พยายามเข้ามาจีบเธออยู่เป็นระยะๆ ทั้งที่เธอเองไม่เคยรู้มาก่อนว่า Beecher เป็นรายชื่ออันดับต้นๆที่ถูกให้จับตาพฤติกรรมจากฝ่ายสืบสวนภายใน
ถัดมาที่ Samantha Shaw ตัวละครใหม่อันมีบทบาทสำคัญในซีซั่นนี้ เธอคือเจ้าหน้าที่พิเศษที่ทำงานนอกระบบให้กับรัฐบาลภายใต้การรับรหัสหมายเลข ซึ่งเธอไม่เคยรู้ถึงที่มาของมันเลย (เธอคิดว่าชุดตัวเลขที่รัฐบาลมอบให้นี้มาจากการทรมานบุคคลต้องสงสัย โดยที่ไม่รู้เรื่องการมีอยู่ของ ‘เดอะแมชชีน’ แต่อย่างใด จนกระทั่งพบเจอกับ John และ Harold) โดยหลังจากถูกหลอกใช้ เธอก็หันมาอยู่ฝ่ายเดียวกับ John และ Harold ส่วนตัวละครใหม่อีกรายก็คือ Bear สุนัขทหารที่ John บังเอิญไปพบเจอจึงเก็บเอาไปมาเลี้ยงและใช้เป็นผู้ช่วยในหลายๆภารกิจ (หนึ่งในนั้นก็คือการช่วยเหลือ Fusco ในตอนจบของซีซั่น!) รวมไปถึง Leon Tao นักบัญชีผู้เชี่ยวชาญด้านอาชญากรรมทางการเงินที่มักนำตัวเองไปอยู่ผิดที่ผิดทางอยู่ตลอดเวลา

ทั้งนี้ตัวละครเก่าอย่าง Elias ที่ถูกจับขังคุกไปในซีซั่นแรกก็ยังคงมีบทบาทสำคัญในซีซั่น 2 นี้ แม้ Elias จะถูกขังแต่นั่นก็ไม่กระทบต่ออำนาจที่ชายคนนี้มีในเมืองนิวยอร์ก เพราะเขายังคงเป็นหัวหน้าใหญ่ผู้ทรงอิทธิพลที่หลายคนเกรงกลัวเช่นเดิม แต่ที่จะชัดเจนขึ้นก็คือความสัมพันธ์ระหว่าง Elias กับ John และ Harold ที่เป็นไปในทิศทางต่างฝ่ายต่างช่วยเหลือกัน โดยศัตรูของ Elias ในตอนนี้ก็คือ HR ที่ต้องการดึงเขามาร่วมวงด้วย
เมื่อมีตัวละครใหม่โผล่ออกมาก็เป็นเรื่องปกติที่ตัวละครเก่าบางรายจะถูก ตัดออกไป ซึ่งในซีซั่นนี้ก็มีหลายตัวละครที่ต้องพบกับบทสรุปของตนเอง ซึ่งรายที่แอบเสียดายเล็กๆก็คือเจ้าหน้าที่ FBI Donnelly เนื่องจากคิดว่าพี่แกแค่ทุ่มเทและทำตามหน้าที่แบบทุ่มสุดตัวเท่านั้น แต่ผลที่ออกมากลับไม่ได้ดีเหมือนความตั้งใจเลย
สิ่งที่ถูกเพิ่มขึ้นมาในซีซั่นนี้ยังรวมไปถึงการมีตัวละครที่มีหมายเลข ซ้ำจาก ‘เดอะแมชชีน’, การมีตอนหนึ่งที่รหัสปรากฏขึ้นมาทีเดียวถึง 6 หมายเลข อันนำไปสู่การตามล่าหาฆาตกรต่อเนื่องภายในสถานที่อันจำกัด ท่ามกลางพายุที่โหมกระหน่ำ ซึ่งนับเป็นตอนที่ให้รสชาติใหม่แก่ซีรี่ย์เรื่องนี้เลยทีเดียว ตลอดจนเมื่อ ‘เดอะแมชชีน’ ถูกไวรัสฝ่ายศัตรูผู้ลึกลับเล่นงานจนเกิดข้อผิดพลาดทำให้หมายเลขที่ให้มาไม่ ถูกต้อง 100% และบางครั้งยังช้าเกินไปจนทำให้เหล่าตัวละครเอกไม่สามารถช่วยใครคนนั้นได้ ทันเวลา นอกจากนี้ลูกเล่นในช่วง 2 ตอนสุดท้ายของซีซั่นนี้ก็นับว่าทำออกมาได้ดีเหมาะสมกับสถานการณ์ของเนื้อหา ทีเดียวกับการใช้ภาพกล้องวงจรปิดที่สัญญาณขาดๆหายๆในฉากภาพจากกล้องอันเป็น ลักษณะเด่นในการดำเนินเรื่องของซีรี่ย์ชุดนี้
ทุกคนล้วนมีด้านที่คาดไม่ถึง
สิ่งหนึ่งที่ซีรี่ย์ “Person of Interest”
บอกกับเราเรื่อยมาตั้งแต่ซีซั่นแรกก็คือ ‘ผู้คนมักไม่เป็นอย่างที่เราคิด’
ซึ่งในซีซั่นนี้ทีมงานผู้สร้างก็ตอบย้ำประเด็นนี้ได้อย่างชัดเจนอีกครั้ง
แถมยังมีการเสริมความซับซ้อนเพิ่มขึ้นไปอีกในการมีตัวละครที่มีพฤติกรรมลึก
ลับโผล่มาให้เห็นอยู่ตลอดจนทำให้เราได้ตระหนักว่าบางครั้งคนที่ไม่คิดว่าควร
ไว้ใจเลยก็กลับกลายมาเป็นคนที่คุณสามารถพึ่งพาได้มากที่สุด
ส่วนคนที่ใกล้ตัวที่สุดก็อาจจะเป็นดั่งระเบิดเวลาที่รอวันระเบิดออกมาก็เป็น
ได้

เบื้องหลังผู้ถูกเฝ้ามอง
Jim Caviezel และ Michael Emerson ยังคงทำหน้าที่เข้าขากันได้เป็นอย่างดีเช่นเดิม ส่วน Sarah Shahi
ในบทตัวละครใหม่ Samantha Shaw
ก็ให้ความรู้สึกเป็นสาวแกร่งพร้อมลุยตลอดเวลา (ตัวละครนี้เป็นตัวละคร John
เวอร์ชั่นผู้หญิงก็ว่าได้) ด้าน Amy Acker ก็ยังคงเป็น Root สาวอันตรายได้น่าพอใจตามเคยพูดถึงทีมงานผู้สร้างแล้ว Jonathan Nolan และทีมงานยังคงผูกเรื่องราวและผสมความเป็นแอคชั่น สืบสวน ดราม่าและภัยร้ายของเทคโนโลยีในโลกยุคดิจิตอลได้อย่างกลมกลืน โดยเฉพาะการนำเสนอ ‘เดอะแมชชีน’ ที่ให้ความรู้สึกสมจริงจนทำให้ผู้ชมอินตามไปได้ แถมการกำหนดให้ ‘เดอะแมชชีน’ ทำหน้าที่ปกป้องตัวเองในช่วงท้ายของซีซั่นถึงขนาดสร้างตัวตนปลอมๆขึ้นมาใน โลกแห่งความจริงก็นับเป็นไอเดียที่เข้าท่ามากทีเดียวอีกด้วย (นอกจากนี้นี่ยังนับเป็นซีรี่ย์อีกเรื่องที่ถ่ายฉากแอคชั่นออกมาได้ดูดีมีสไตล์)
โดยสรุป “Person of Interest” ซีซั่น 2 นี้ยังคงนำเสนออกมาได้อย่างสนุกและชวนลุ้นในระดับที่ไม่แพ้ซีซั่นแรก แถมยังมีเนื้อหาใหม่แทรกเข้ามาเพิ่มความซับซ้อนในเนื้อหาเพื่อเสริมให้ผู้ชม คอยลุ้น คอยเอาใจช่วยตัวละครเอกได้อย่างน่าติดตาม รวมไปถึงการทิ้งบทสรุปในภาคนี้ที่อาจจะคล้ายกับฉากจบของซีซั่นแรก แต่ระดับความติดตามนั้นไม่ได้ลดน้อยลงเลย
เครดิต http://welovemovieclub.com
No comments:
Post a Comment